โอ๊ เวียดนาม

      หลังจากผมได้รับงานกลุ่มมาผมก็ได้นั่งคิดกับเพื่อนๆอยู่ว่าเราจะทำไรกันดี และแล้วเราก็ได้เรื่องประเทศ ซึ่งกลุ่มของผมเอาประเทศเวียดนาม เอ๊าพวกเรามาดูประเทศเวียดนามกันเถอะ


 
ประวัติศาสตร์
อารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์ในเวียดนามมีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะอารยธรรมยุคหินใหม่ ที่มีหลักฐานคือกลองมโหระทึกสำริด และชุมชนโบราณที่ดงเซิน เขตเมืองแทงหวา ทางใต้ของปากแม่น้ำแดง สันนิษฐานว่าบรรพบุรุษของชาวเวียดนามโบราณผสมผสานระหว่างชนเผ่ามองโกลอยด์เหนือจากจีนและใต้ ซึ่งเป็นชาวทะเล ดำรงชีพด้วยการปลูกข้าวแบบนาดำและจับปลา และอยู่กันเป็นเผ่า บันทึกประวัติศาสตร์ยุคหลังของเวียดนามเรียกยุคนี้ว่าอาณาจักรวันลาง มีผู้นำปกครองสืบต่อกันหลายร้อยปี

ลักษณะการเมืองการปกครองของประเทศเวียดนามยุคหลังสงครามเวียดนาม
 จากการปกครองแบบสังคมนิยมของเวียดนามในยุคหลังสงครามเวียดนามนั้นใช้ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ซึ่งมีลักษณะดังนี้
1.   ปัจจัยการผลิตทุกชนิดเป็นของรัฐบาลกลาง ทั้งอุตสาหกรรม เกษตรกรรม การค้าและการบริการ อยู่ในความควบคุมของรัฐบาล
2.   เอกชนไม่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน ซึ่งเป็นของรัฐ
3.   ประชาชนถูกจำกัดเสรีภาพในการบริโภค
4.   ผู้บริหารเป็นผู้วางแผนทั้งหมดในการการผลิตโดยอาจใช้ระบบกลไกราคาหรือระบบปัส่วน
 ในด้านความสัมพันธ์ทางการทูตเวียดนามถูกตัดความสัมพันธ์ทางการทูตจากประเทศเสรีประชาธิปไตย ทำให้ขาดความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น การถ่ายทอดเทคโนโลยี การแลกเปลี่ยนทางสังคมและวัฒนธรรม การส่งออกแรงงาน และการพัฒนาฝีมือแรงงาน เวียดนามจึงล้าหลัง ไม่อาจแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้
 หลังจากที่ล้มเหลวในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมเต็มรูปแบบในปี2522 รัฐบาลเวียดนามได้พยายามแก้ไขปัญหาการขาดแคลนผลผลิตทางการเกษตร โดยได้พัฒนาอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการบริโภคพื้นฐานและปัจจัยการดำรงชีวิต โดยได้ลดความสำคัญของระบบกรรมสิทธิ์รวมลง ได้ปฏิรูประบบเศรษฐกิจเข้าสู่เศรษฐกิจเสรี มีการทำสัญญาระหว่างรัฐกับสหกรณ์คือให้สหกรณ์สามารถค้าขายผลิตผลกับตลาดเสรีได้ เพื่อให้เศรษฐกิจมีความยืดหยุ่น และยังมีแผนรณรงค์เพื่อลดขั้นตอนระบบราชการ การเพิ่มพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศและการส่งออกสินค้าการเกษตร อาหารทะเลและหัตถกรรม
 การล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 2534 เวียดนามต้องตกอยู่ในภาวะต้องพึ่งพาตนเอง ประกอบกับการแข่งขันในโลกเสรีมีมากขึ้น การแข่งขันในทางลัทธิการเมืองการปกครองเปลี่ยนไปเป็นการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจ ประกอบกับมีความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในภูมิภาคต่างๆ เช่นอาเซียน เวียดนามได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงนี้และพยายามปฏิรูปการเมืองการปกครองให้เข้าสู่ระบบเสรีมากขึ้นโดยเฉพาะด้านการเศรษฐกิจ โดยการเปิดประเทศ พัฒนาความสัมพันธ์ทางการทูต ทางด้านเศรษฐกิจกับต่างประเทศเพื่อรองรับการลงทุนและอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งขอเข้าร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนในที่สุด
         จากการเปลี่ยนแปลง และปฎิรูปการปกครองของเวียดนามเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแบบเสรี ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง พลิกโฉมหน้าของประเทศเวียดนาม การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศต่างๆ และสหรัฐอเมริกา เริ่มทำให้มีเงินทุนหลั่งไหลเข้าสู่เวียดนามมากขึ้น อุตสาหกรรมต่างๆถูกพัฒนาขึ้นจำนวนมาก เมืองท่าชายทะเลถูกพัฒนาและนำกลับมาใช้ การเปิดประเทศทำให้แนวโน้มชีวิตประชาชนมีคุณภาพเพิ่มขึ้น ประชากรมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงขึ้น
  เวียดนามเริ่มเป็นศูนย์กลางในการผลิตสินค้าเกษตรกรรม สินค้าหัตถกรรมและแรงงานที่เริ่มโดดเด่น เพราะจากลักษณะนิสัย และพื้นฐานการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ทำให้ประชาชนค่อนข้างมีวินัย และการปกครองง่าย ส่งผลให้ผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมและภาคการเกษตรมีปริมาณเติบโตอย่างรวดเร็ว
  และการเข้าร่วมเป็นสมาชิกชาติอาเซียนเป็นอีกก้าวกระโดดหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงประเทศเวียดนามเข้าสู่ยุคใหม่ จากกรอบข้อตกลง วิสัยทัศน์ร่วมของผู้นำอาเซียน ได้กำหนดความร่วมมือต่างๆ การให้ความช่วยเหลือสนับสนุนต่อกับในชาติสมาชิก ส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศเวียดนามเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ประเทศเวียดนามได้มีแผนการปฏิรูปการเมืองการปกครองให้สอดคล้องกับทิศทางของเศรษฐกิจโลก ทั้งยังผลักดันประเทศให้มีส่วนร่วมกับเวทีโลก โดยเข้าร่วมการประชุม ลงนามกรอบข้อตกลงทางการค้าต่างๆ กับชาติต่างๆ นอกจากนี้ยังได้พัฒนาความสัมพันธ์ร่วมกันกับประเทศในกลุ่มอาเซียนและแปซิฟิก เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและคุณภาพชีวิตของประชาชน อันเป็นความปรารถนาสูงสุดของประชาชนในประเทศ โดยมิได้ปิดกั้นตนเองอยู่ภายใต้นโยบายหรือลัทธิการเมืองการปกครองอีกต่อไป

ภูมิศาสตร์
เวียดนามเป็นประเทศที่มีลักษณะเป็นแนวยาว และ มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงกั้นระหว่างที่ราบลุ่มแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ทางตอนเหนือและใต้ แต่มีภูเขาที่มีป่าหนาทึบแค่ 20% เวียดนามเป็นหนึ่งในสิบหกประเทศทั่วโลกที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงสุด โดยมีพันธุ์ไม้ 13,000 ชนิด และพันธุ์สัตว์กว่า 15,000 ชนิด
ลักษณะภูมิประเทศ
มีที่ราบลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่ 2 ตอน คือ ตอนเหนือ เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำแดง และตอนใต้เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง
มีที่ราบสูงตอนเหนือของประเทศ และยังเป็นภูมิภาคที่มี เขาฟาน ซี ปัง (Phan Xi Păng) ซึ่งเป็นภูเขาที่สูง 3,143 เมตร (10,312 ft) ตั้งอยู่ในจังหวัดเล่าไค เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในอินโดจีน
ลักษณะภูมิอากาศ
เป็นแบบมรสุมเขตร้อน ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกเปิดโล่งรับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดผ่านทะเลจีนใต้ ทำให้มีโอกาสรับลมมรสุมและพายุหมุนเขตร้อน จึงมีฝนตกชุกในฤดูหนาว สามารถปลูกข้าวได้ปีละ 2 ครั้ง (ฝนตกตลอดปี ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ)
เป็นประเทศที่มีความชื้นประมาณ 84 % ตลอดปี มีปริมาณฝน จาก 120 ถึง 300 เซนติเมตร (47 ถึง 118 นิ้ว) และมีอุณหภูมิเฉลี่ยตั้งแต่ 5 °C (41 °F) ถึง 37 °C (99 °F)
ชายแดน
ทั้งหมด 4,638 km (2,883 mi) โดยติดกับประเทศกัมพูชา 1,228 km (763 mi) ประเทศจีน 1,281 km (796 mi) และ ประเทศลาว 2,130 km (1,324 mi)

สถานที่ท่องเที่ยวที่เวียดนาม(บางส่วน)

ในเมืองฮานอย

พิพิธภัณฑ์ศิลปกรรม (Fine Arts Museum)
ตั้งอยู่บนถนนเหวียน ไท ฮ๊อก เป็นแหล่งแสดงงานศิลปกรรมมีค่าอย่างยิ่งแห่งหนึ่ง นิทรรศการที่จัดแสดงนั้น ครอบคลุมถึงงาม ศิลปะและประวัติของชนกลุ่มน้อยของเวียดนาม และมีพระพุทธรูป ไม้ที่งดงาม หลายองค์ที่มีอายุตั้งแต่ ศตวรรษที่ 17 นอกจากนั้นมีกลองสำริด ดง เซิน และศิลปะเวียดนามอย่างอื่นอีกมากมาย ทั้งที่เป็นของสมัยโบราณ และสมัยใหม่แหล่งรวบรวมผลงานศิลปกรราม ตั้งแต่สมัย โบราณจนถึงปัจจุบันมีทั้งศิลปะทางวัตถุ งานปั้น งานแกะสลัก และรูปภาพของนักเขียนชื่อดังของเวียดนามในเมืองเว้


ในเมืองดานัง
อ่าวดานัง(Danana Bay)
ห่างจากตัวเมืองดานังออกมาทางทิศเหนือราว 15 กิโลเมตร คุณจะได้พบกับชายหาดที่ทอดยาวขนานไปกับทิวเข้าสลับซับ ซ้อน หรือที่ชาวเวียดนามเรียกกันว่า อ่าวดานัง แม้ว่าที่นี้จะไม่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของหาดทรายที่ติดกับน้ำทะเลสีฟ้าคราม เหมือนชายหาดขึ้นชื่ออย่างนอนเนื้อก แต่สิ่งที่คุณได้พบเห็นคือวิถีชีวิตชาวบ้านที่ใช้เรือกระจาดออกหาปลา เรือที่ทำจากไม้ไผ ่สานทั้งลำชันด้วยยา พาหนะล่องลอยเหนือแผ่นน้ำที่หาดูได้จากที่นี้เพียงแห่งเดียว ลักษณะของอ่าวดานังเป็นหาดทรายสีน้ำตาลเข้ม เต็มไปด้วยเรือกระจาดที่จอดเรียงรายอยู่ริมฝั่งตลอดจนเรือที่ออกหาปลา อยู่กลางทะเลทำให้ที่เหมะแก่การมาเดินเล่นชมวิวทิวทัศน์มากกว่าที่จะลงเล่าน้ำสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งโรงเรียนและร้านอาหาร ก็ยังไม่มีมากนักนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงนั่งรถมาเพื่อชมวิวเพพลินๆจากนั้นก็กลับไปพักในตัวเมือง

ในเมืองฮอยอัน

เมืองเก่าฮอยอัน
ย่านเก่าแก่ที่สุดของเมืองอยู่ในเขตใต้ติดกับแม่น้ำทูโบน ถนนเลเลย สายแรกของเมืองตัดตั้งฉากกับแม่น้ำ สร้างเมื่อ  400 ปีมาแล้ว ตามด้วยย่ายชาวญี่ปุ่นมีสะพานหลังคาปิดและร้านค้ากับบ้านแบบญี่ปุ่น อีก 50 ปีต่อมาเริ่มสร้างย่านชาวกวางตุ้ง ด้านตะวันตกของเมือง อดีตของฮอยอันได้ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดีในงานสถาปัตยกรรม ย่านเก่าแก่มีการผสมผสานกันอย่างกลมกลืน ของวัด เจดีย์ ศาลาประชาคม ศาลเจ้า บ้านประจำตระกูล ร้านค้าและบ้านชาวบ้าน เช่นเดียวกับหลายๆ เมือง
ในเมืองโฮจิมินห์
จัตุรัสโฮจิมินห์
มีรูปปั้นของอดีตประธานาธิบดี กับเด็กๆ ด้านหลังเป็นศาลาว่าการเมือง ซึ่งดูแปลกตาในสไตล์ฝรั่งเศส มองจากตรงนี้จะเห็นได้ถึงความจอแจของเมืองใหญ่ เพราะที่นี่นอกจากจะเป็นศูนย์กลางของเมืองแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางทางการค้าอีกด้วย
ในเมืองหวุ่งเต่า
หาดถุ่ยวัน
เป็นหาดที่งดงามและมีความยาวถึง 7 กิโลเมตรไปตามชายฝั่งทะเลตะวันออก ถุ่ยวัน ได้รับความนิยมมากในหมู่ชาวพื้นเมือง และมีคนค่อนข้างแน่นในช่วงสุดสัปดาห์ สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว และความเป็นธรรมชาติมากกว่าก็สามารถมุ่งหน้าไปที่หาดทรายอีกหลายแห่งที่มีต้นไม้ขึ้นเป็นทิว และเงียบสงบมากกว่า หรืออ่าวตามเดืองบนชายฝั่งด้านตะวันตก




อันนี้ภาพถ่ายสถานที่ท่องเที่ยวบางส่วน









เพิ่มเติมครับ  http://www.gustotour.com/info_asia/vietnam/vietnam.html