English

 อังฤษ


อังกฤษเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุด และมีประชากรมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในสหราชอาณาจักร ประวัติศาสตร์อังกฤษเริ่มขึ้นเมื่อมีการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์เมื่อหลายพันปีมาแล้ว ภูมิภาคที่ปัจจุบันคืออังกฤษภายในสหราชอาณาจักรเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของมนุษย์นีอันเดอร์ธอลราว 230,000 ปีมาแล้ว ขณะที่มนุษย์โฮโมเซเพียนซึ่งเป็นมนุษย์สมัยใหม่เริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานราว 29,000 ปีมาแล้ว แต่การอยู่ต่อเนื่องกันโดยตลอดเริ่มขึ้นราว 11,000 ปีมาแล้วในปลายยุคน้ำแข็ง ในบริเวณภูมิภาคนี้ยังมีร่องรอยของมนุษย์สมัยต่างๆ ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานที่เริ่มตั้งแต่ยุคหินกลาง, ยุคหินใหม่ และ ยุคสัมริด เช่นสโตนเฮนจ์ และเนินดินที่เอฟบรี ในยุคเหล็กอังกฤษก็เช่นเดียวกับบริเตนทั้งหมดทางใต้ของเฟิร์ธออฟฟอร์ธเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของชนเคลต์ที่เป็นกลุ่มชนที่เรียกว่า บริเตน (Briton) หรือเผ่าเบลแจ ในปี ค.ศ. 43 ชาวโรมันก็เริ่มเข้ามารุกรานบริเตน โรมันปกครองจังหวัดบริทายามาจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 5
ฟื้นฟูระบอบกษัตริย์
พระเจ้าชาร์ลส์ทรงเรียกประชุมรัฐสภาอีกครั้ง ซึ่งออกกฎหมายบังคับให้นับถือนิกายเชิร์ช ออฟ อิงแลนด์ และกดขี่นิกายอื่นๆ ในค.ศ. 1662 ทรงอภิเษกสมรสกับแคทเธอรีนแห่งบรากังซา (Catherine of Braganza) จากโปรตุเกส ได้เมืองบอมเบย์ในอินเดียเป็นสินสมรส และทรงให้ตั้งอาณานิคมคาโรไลนา (Carolina) ตามพระนามในค.ศ. 1663 ในรัชสมัยของพระองค์อาณานิคมอังกฤษเริ่มเติบโต โดยบริษัทอินเดียตะวันออกของบริเทน (British East India Company) ทำให้ทำสงครามกับฮอลันดาหลายครั้ง โดยพระเจ้าชาร์ลส์ทรงเป็นพันธมิตรกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส โดยทรงสัญญาอย่างลับๆว่าจะเข้ารีตคาทอลิก ในค.ศ. 1665 กรุงลอนดอนเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ พระราชวงศ์และรัฐสภาต้องหนีออกจากลอนดอน และใน ค.ศ. 1666 กรุงลอนดอนก็วอดวายด้วยเหตุการณ์ที่รู้จักกันในนาม “เพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในลอนดอน ” ในปี ค.ศ. 1670 ก่อตั้งบริษัทอ่าวฮัดสัน (Hudson Bay Company) ไปตั้งอาณานิคมแคนาดา
แต่อังกฤษก็กลับมาทำสงครามขยายดินแดนของฝรั่งเศส (War of Devolution) กับฝรั่งเศสในค.ศ. 1668 เพราะฝรั่งเศสกำลังมีอำนาจมากไป ในอังกฤษพระเจ้าชาร์ลส์ทรงผ่อนปรนพวกคาทอลิก ทำให้รัฐสภาไม่พอใจ ในค.ศ. 1678 พวกแองกลิกันสร้างข่าวลือว่าพวกคาทอลิกวางแผนการคบคิดพ็อพพิชเพื่อลอบสังหารพระองค์ ทำให้ประชาชนหวาดกลัว และพระอนุชาของพระองค์ คือองค์ชายเจมส์ ก็กลายเป็นพวกคาทอลิก ในค.ศ. 1679 รัฐสภาจะตัดองค์ชายเจมส์ออกจากการสืบสันติวงศ์ แต่พระเจ้าชาร์ลส์ทรงชิงยุบสภาเสียก่อน
การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์
เมื่อองค์ชายเจมส์ครองบัลลังก์เป็นพระเจ้าเจมส์ที่ 2 ก็ทรงต้องเผชิญกับกบฎหลายครั้ง ในค.ศ. 1687 พระเจ้าเจมส์ทรงออกกฎหมายการใช้พระราชอำนาจขัดขวางการกดขี่ผู้นับถือนิกายโรมันคาทอลิก และในค.ศ. 1688 เจ้าชายเจมส์พระโอรสที่เป็นคาทอลิกก็ประสูติ ทำให้ชาวอังกฤษกลัวว่าราชวงศ์คาทอลิกจะปกครองประเทศ จึงอัญเชิญพระสวามีขององค์หญิงแมรีพระธิดาพระเจ้าเจมส์ คือ เจ้าชายวิลล์เฮมแห่งออเรนจ์ ผู้ครองฮอลันดา มาบุกอังกฤษ พระเจ้าเจมส์ทรงหลบหนีไปฝรั่งเศส เจ้าหญิงแมรีและเจ้าชายแห่งออเรนจ์ขึ้นครองราชย์เป็นพระราชินีนาถแมรีที่ 2 และพระเจ้าวิลเลียมที่ 3 เรียกเหตุการณ์นี้ว่า การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์
รัฐสภาออกกฎหมายห้ามมิให้พวกคาทอลิกขึ้นบัลลังก์อังกฤษ พระเจ้าเจมส์ทรงไปไอร์แลนด์ที่เป็นคาทอลิกเพื่อระดมพลมาสู้ แต่พระเจ้าวิลเลียมก็เอาชนะพระองค์ได้ที่บอยน์ (Boyne) ทำให้พระเจ้าเจมส์หนีกลับไปฝรั่งเศส ในค.ศ. 1689 รัฐสภาออกพระราชบัญญัติสิทธิ (Bill of Rights) ริดรอนพระราชอำนาจมิให้ทรงขัดขวางการออกกฎหมายหรือใช้พระราชทรัพย์และกำลังพลตามพระทัย ทำให้กษัตริย์อังกฤษทรงตกอยู่ภายใต้อำนาจรัฐสภามาถึงทุกวันนี้ พระเจ้าวิลเลียมทรงเกลียดชังฝรั่งเศสตั้งแต่ยังทรงครองฮอลันดา ทำให้ทรงนำอังกฤษเข้าร่วมสงครามมหาสัมพันธมิตร (War of the Grand Alliance) ในสกอตแลนด์เกิดกบฎจาโคไบต์ (Jacobite Rebellion) เพื่อนำพระเจ้าเจมส์กลับสู่บัลลังก์ ทำให้พระเจ้าวิลเลียมทรงนำทัพเข้าปราบปราม โดยเฉพาะการสังหารหมู่ที่เกลนโค (Massacre of Glencoe) สังหารชาวสกอตอย่างโหดร้าย
บนภาคพื้นทวีปทัพอังกฤษและฮอลันดาพ่ายแพ้ฝรั่งเศส และพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ยังทรงสนับสนุนพระเจ้าเจมส์อีกด้วย แต่ในค.ศ. 1697 พระเจ้าหลุยส์ทรงยอมรับพระเจ้าวิลเลียม เพื่อให้ได้ดินแดนตอบแทน ในค.ศ. 1700 พระเจ้าวิลเลียมทรงให้ใช้ลอนดอนเป็นที่หารือว่าสเปน (ราชวงศ์แฮปสบูร์กสิ้นสุด) จะตกเป็นของใคร แต่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 แห่งสเปน ก่อนสิ้นพระชนม์ยกสเปนและดินแดนอื่นๆทั้งหมดให้พระเจ้าฟิลิปที่ 5 แห่งสเปน พระนัดดาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ทำให้ชาติต่างๆรวมทั้งอังกฤษ ทำสงครามสืบราชสมบัติสเปน (War of the Spanish Succession)
การสืบราชสมบัติอังกฤษก็สำคัญไม่แพ้กัน ทรงมอบบัลลังก์ให้องค์หญิงแอนน์ พระขนิษฐาของพระนางแมรี และออกพระราชบัญญัติการสืบราชสมบัติ (Act of Settlement) ในค.ศ. 1701 ว่าหากราชวงศ์โปรเตสแตนต์สิ้นไป ให้พระนางโซฟี ภริยาของอิเลกเตอร์แห่งแฮนโนเวอร์ (Sophie, Electress of Hannover) ในเยอรมนี พระนัดดาของพระเจ้าเจมส์ที่ 1 ครองบัลลังก์อังกฤษ
ก่อตั้งสหราชอาณาจักร
ในค.ศ. 1789 เกิดการปฏิวัติฝรั่งเศส ระบอบกษัตริย์ถูกลบล้าง และกำลังแผ่ขยายอำนาจ บริเตนเข้าสงครามกับฝรั่งเศสในสัมพันธมิตรครั้งที่ 1 (First Coalition) กับชาติอื่นๆในยุโรป ในค.ศ. 1793 แต่พ่ายแพ้ในค.ศ. 1798 การขยายอำนาจของนโปเลียนทำให้ชาติต่างๆเข้าร่วมสัมพันธมิตรครั้งที่ 2 (Second Coalition) อีกครั้งแต่สัมพันธมิตรก็พ่ายแพ้ในค.ศ. 1800 เหลือเพียงบริเตนที่ยังคงทำสงครามกับฝรั่งเศส
สงครามที่วุ่นวายทำให้ไอร์แลนด์ฉวยโอกาสก่อกบฎ วิลเลียม พิตต์จึงออกพระราชบัญญัติสหภาพค.ศ. 1800 ผนวกไอร์แลนด์เข้ากับบริเตน เป็นสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ (United Kingdom of Great Britain and Ireland)